วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

2. การสร้างพระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆัง ตอนที่ 3


     ประวัติการสร้างพระสมเด็จ ตอนที่ 3
  

 หลวงปู่นาคท่านเป็นพระมหาเถระผู้ใหญ่ อยู่ในวัยแปดสิบเศษ    รูปร่างหน้าตา   เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา และมีศีลจริยาวัตรงดงาม    ประพฤติธรรมอยู่เป็นเนืองนิจ มีอิทธิจิตในระดับที่สูง    ดังนั้นจึงเป็นที่เชื่อถือกันอย่างกว้างขวางว่าหลวงปู่นาคทรงความ
ศักดิ์สิทธิ์    ดังนั้นพระสมเด็จที่ปลุกเสกโดยหลวงปู่นาคจึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
            ท่านเจ้าคุณใหญ่หรือหลวงปู่นาคท่านทำพระสมเด็จอยู่เสมอตามความจำเป็น     และความต้องการของญาติโยม แต่เป็นการทำไปเรื่อย ๆ     ตามแต่สะดวกและความพร้อมของผู้ทำคือบรรดาเด็กวัดและพระเณรในคณะหนึ่ง ไม่ได้จัดตั้งเป็นการพิธีใหญ่และทำพระเป็นจำนวนมาก ๆ    เพื่อจำหน่ายเป็นพุทธพาณิชย์ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

            วันไหนมีการทำพระสมเด็จ    ท่านเจ้าคุณใหญ่หรือพระเถระชั้นผู้ใหญ่ประจำกุฏิใหญ่ก็จะผสมผงมาแล้วเสร็จ ใส่ในกาละมังบ้าง ในถังบ้าง     และให้บรรดาพระเณรรวมทั้งเด็กวัดช่วยกันพิมพ์พระที่บริเวณชั้นล่างด้านหน้า ของกุฏิใหญ่

            การทำพระสมเด็จของหลวงปู่นาค    จะใช้ผงปูนปลาสเตอร์เป็นพื้น ผสมกับผงพระเก่าที่เหลือจากการทำรุ่นก่อน ๆ สืบทอดกันมา     เหมือนกับน้ำมนต์ในวิหารสมเด็จที่ใช้น้ำใหม่เติมน้ำมนต์ในโอ่งที่ทำมา ตั้งแต่ครั้งเจ้าประคุณสมเด็จ

            นอกจากนี้   ยังใช้ผงธูปจากกระถางธูปในโบสถ์ ผงตะไคร่น้ำจากพระปรางค์และพระเจดีย์ในวัดระฆัง แม้กระทั่งดอกไม้สำหรับบูชาพระประธานในโบสถ์มาตากแห้งแล้วบดเป็นผง     และใช้ข้าวก้นบาตรรวมทั้งกล้วยซึ่งบดทั้งเปลือกเป็นส่วนผสมด้วย

            เมื่อผสมผงได้ที่ตามตำรับเก่าแก่ของวัดระฆังแล้ว     ก็จะพิมพ์ลงในแบบพิมพ์พระซึ่งแกะสลักในแผ่นไม้ บางแผ่นก็มีพิมพ์พระหนึ่งองค์     บางแผ่นก็สอง หรือสาม หรือห้าองค์ ตามแบบต่าง ๆ ที่วัดระฆังเคยทำมา     และทรงอันเป็นที่นิยมมากก็คือแบบพิมพ์ทรงพระประธานทรงใหญ่

            ในบรรดาเด็กวัดที่ช่วยกันทำพระสมเด็จนั้น    ก็มีโอฬารหัวหน้าเด็กวัดคณะหนึ่งเป็นเจ้ากี้เจ้าการควบคุมเด็กวัด แต่ก็ยังมีพระผู้ใหญ่คอยควบคุมดูแลอยู่อีกชั้นหนึ่ง

            พระที่พิมพ์ก็จะเป็นพระสมเด็จซึ่งเรียกกันว่าพระสมเด็จวัดระฆังรุ่นหลวงปู่ นาค     มีทั้งทรงพิมพ์ใหญ่ ทรงเจดีย์ ทรงปรกโพธิ์ และอีกหลายแบบสุดแท้แต่แม่พิมพ์ที่พระผู้ควบคุมการจัดทำจะจัดมาให้ทำ

            วันไหนพิมพ์พระได้เท่าใดก็จะมีการนับจำนวนทวนสอบจนตรงกัน     แล้วพระเถระผู้ควบคุมการทำพระก็จะยกเอาถาดใส่พระซึ่งพิมพ์เสร็จแล้วขึ้นไป ข้างบน    เพราะหลังจากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนการปลุกเสกตามแบบฉบับและกรรมวิธีของวัด ระฆังที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี

            พระสมเด็จเหล่านั้นจะถูกนำไปบรรจุกล่องและวางไว้ในห้องพระของท่านเจ้าคุณ ใหญ่ซึ่งเป็นห้องโถงอยู่ชั้นบนของกุฏิใหญ่นั้น    จากนั้นก็จะมีการวนสายสิญจน์จากพระประธานของห้องพระ  วนลงมาเวียนรัดรอบกล่องพระนั้นจนครบถ้วนทุกกล่อง

            ทุกวันหลังจากหลวงปู่นาคท่านสวดมนต์ไหว้พระแล้ว    ท่านก็จะเข้าสมาธิภาวนาพระคาถาชินบัญชร    แล้วเพ่งพลังจิตและอธิษฐานจิตตามกรรมวิธีปลุกเสกพระสมเด็จวัดระฆัง     และจะเพิ่มเวลาทำสมาธิภาวนาแผ่พลังจิตมากขึ้นสำหรับวันพระและถ้าเป็นห้วง เวลาในเทศกาลเข้าพรรษาก็ยิ่งเพิ่มเวลามากขึ้นไปอีก

            บางครั้งหลวงปู่นาคก็จะให้นิมนต์พระสงฆ์ในคณะหนึ่งมาสวดพระปริตรและสวดพระ คาถาชินบัญชรปลุกเสกพระด้วย    และบางทีในวันพระใหญ่คือวันขึ้น 15 ค่ำและวันมหาปาวารนา    หลวงปู่นาคก็จะให้พระขนกล่องพระสมเด็จเข้าไปในโบสถ์    วนสายสิญจน์มาจากพระประธานมายังกล่องพระ

            ในบางทีเมื่อมีงานบวชหลวงปู่นาคก็จะให้ขนกล่องพระเข้าไปในโบสถ์ด้วย    นัยว่าการสวดญัตติจตุตถกรรมนั้นในอุปสมบทพิธีนั้นมีผลมากต่อการปลุกเสกพระ เครื่องให้เป็นพระ.
            พระสมเด็จวัดระฆังรุ่นหลวงปู่นาคทรงความศักดิ์สิทธิ์และมีอิทธิปาฏิหาริย์ เลื่องชื่อลือกระฉ่อน    มาตั้งแต่ครั้งที่หลวงปู่นาคยังมีชีวิตอยู่     และเมื่อท่านเจ้าคุณสิ้นบุญไปแล้วพระสมเด็จวัดระฆังรุ่นหลวงปู่นาคก็ยิ่งมาก ค่าและหาได้ยากขึ้นทุกที
         พระสมเด็จแท้ที่หลวงปู่นาคทำนั้น    เป็นการทำเพื่อหาเงินมาบูรณะพัฒนาวัดระฆังซึ่งเสื่อมทรุดต่อเนื่องมาแต่อดีต ศาสนสถานทั้งหลายภายในวัดทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด     จะมัวรอเงินจากผ้าป่ากฐินศาสนสถานก็คงพังพินาศหมดสิ้น เพราะเหตุนี้หลวงปู่นาคท่านจึงคิดอ่านทำพระสมเด็จขึ้นเป็นอภินันทนาการแก่ ผู้ที่มาทำบุญกับวัด
            พระที่หลวงปู่นาคปลุกเสกเสร็จแล้วได้มอบไว้    แก่พระลูกศิษย์ซึ่งจะทำบัญชีจำหน่ายสำหรับผู้ใจบุญที่มาทำบุญกับวัด   โดยหลวงปู่นาคมิได้จับต้องถือเงินหรือเก็บเงินไว้ด้วยองค์ท่านเองเลย

            ผงที่เหลือจากการทำพระแต่ละคราวก็จะเก็บใส่กะละมังไว้ แล้วขนขึ้นไปไว้บนกุฏิหลวงปู่นาค ซึ่งท่านมักจะวางไว้ข้างๆ โต๊ะหมู่บูชา

            พระที่ผ่านการทำและผ่านการปลุกเสกดังกล่าวนี้     หากถึงคราววันมหาปวารณาช่วงเข้าพรรษาหลวงปู่ก็มักจะให้พระลูกศิษย์นำไปไว้ใน โบสถ์ วางไว้หน้าพระประธาน     โดยมีการนับจำนวนอย่างเข้มงวด ครั้นพ้นวันมหาปวารณาแล้วหลวงปู่นาคก็ให้นำพระเหล่านั้นกลับไปเก็บไว้ที่ กุฏิของท่านดังเก่า    ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะหลวงปู่นาคท่านรู้กรรมวิธีว่าวันเวลาและการใดที่จะ อาศัยพลังแห่งความบริสุทธิ์และพลังอำนาจจิตของคณะสงฆ์เข้าเสริมพลังจิตที่ ท่านเจ้าคุณได้ปลุกเสกไว้แต่เดิม

            พระสมเด็จวัดระฆังที่ผ่านกระบวนการจัดทำและกระบวนการปลุกเสกตามตำรับที่สืบ ทอดกันมาตั้งแต่ครั้งยุคสมัยเจ้าประคุณสมเด็จนั้นจึงเป็นที่หวังและเป็นที่ วางใจกันโดยทั่วไปว่าทรงไว้ซึ่งพุทธคุณ     มีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถปกป้องคุ้มครองภยันตรายทั้งปวงได้    และเป็นเครื่องส่งเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้มีความศรัทธาในตัวท่านหลวง ปู่


 วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมและวงการพระรู้จักกันดี
              
                พระเนื้อผงรุ่นแรก สร้างปี 2485  ประกอบด้วยพิมพ์ทรงเทวดาอกตัน-อกร่อง  เทวดาขัดเพชร  และพิมพ์สามเหลี่ยม พิมพ์ปรกโพธิ์  พิมพ์ ขาโต๊ะ  และอีกหลายพิมพ์ที่ไม่ได้กล่างถึง กล่าวเฉพาะพิมพ์ที่นิยม วงการรู้จักพอสมควร
              
 พระ เนื้อผงรุ่นสอง สร้างปี 2495  ประกอบด้วยพิมพ์สมเด็จโต นั่งบริกรรม  พิมพ์ปรกโพธิ์  ฝังและไม่ฝังตะกรุด  พิมพ์พระประธาน ฝังและไม่ฝังตะกรุด  นางพญา พิมพ์พระประจำวัน   คะแนนฐานสิงห์  รูปหล่อ  เหรียญโล่  และเหรียญข้าวหลามตัด   นอกจากนี้ยังมีอีกหลายรุ่น สร้างในปี พ.ศ.2499,2500,,2504,2507,2509  และรุ่นสุดท้ายคือรุ่นแซยิด 7 รอบ ปี 2511 และอีกมากมายที่ยังไม่ได้กล่าวถึง จะกล่าวเฉพาะพิมพ์ที่นิยม หรือพิมพ์ที่วงการรู้จักกันพอสมควรครับ     
พุทธคุณและประสพการณ์ที่เล่าต่อกันมา
             
          พุทธคุณในพระของหลวงปู่นาค มีทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพัน เรียกว่าครอบจักวาล  ซึ่งพลังจิตของท่านเป็นรัศมีทองคำ 

ตัวอย่างที่มีประสพการณ์

เช่น  มีทหารมาขอพระของท่านไปลองยิงที่ต้นมะตูมหน้าวัดระฆัง  โดยเอาไปพระไปแแขวนไว้แล้วเอาปืน ยู.เอส ของทหาร  ลองยิงปรากฎว่ายิงไม่ออก  ทหารที่ไปลองนึกว่ากระสุนด้านจึงหันกระบอกไปทางอื่นปรากฏว่าปืนยิงลั่นดัง สนิน  ทหารทั้ง 2 นายจึงไปขอขมากับหลวงปู่  ทำใ้ห้คนแตกตื่นไปกันแน่นกุฎิหลวงพ่อ   มีทั้งหารบก  ทหารอากาศ   และตำรวจ และประชาชนอีกมากมาย  ขนาดเรียกว่าพระพิมพ์ยังไม่ทันแห้งก็มายืนรอรับกันทีเดียวครับ.

           พระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆัง     เป็นพระสมเด็จที่มีส่วนผสมของเศษแตกหักของสมเด็จวัดระฆังที่ท่านได้เก็บรวบ รวมไว้เป็นจำนวนมาก    จากการที่มีประชาชนนำเศษแตกหักของพระสมเด็จมาทิ้งไว้ที่วัดและการค้นพบพระ สมเด็จจำนวนมากบนหลังคาโบสถ์วัดระฆัง    ซึ่งท่านได้นำพระสมเด็จที่แตกหักทั้งหมดร่วมกับการสร้างผงพุทธคุณของท่านตาม ตำรับของสมเด็จโต     ทำให้พระสมเด็จของท่านโดยเฉพาะพระในยุคต้น ๆ ช่วงปี 2485-2495 มีเนื้อหามวลสารจัดจ้านน่าบูชายิ่งนัก     ซึงนับว่าเป็นพระตระกูลสมเด็จที่มีเนื้อหามวลสารของพระสมเด็จวัดระฆังผสมไว้ มากที่สุด    มากกว่าสำนักอื่นที่ท่านได้มอบบางส่วนไปผสมผงสร้างพระให้วัดอื่น   เช่น สมเด็จนายเผ่า วัดอินทรวิหาร ปีั 95
แต่ เนื่องจากท่านได้สร้างพิมพ์ทรงของพระสมเด็จต่าง ๆ ไว้มากมาย      ในวงการจึงนิยมเล่นหากันเฉพาะพิมพ์นิยมบางพิมพ์ของท่านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ตัวใครเห็นก็ทราบว่าเป็นพระของท่าน เ   ช่น พิมพ์เทวดาสามชั้นหูบายศรี พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ชิ้นฟัก พิมพ์รูปเหมือนสมเด็จโต พิมพ์ซุ้มระฆัง เป็นต้น ส่วนพิมพ์อื่น ๆ ไม่ค่อยนิยมเช่าหากัน    สำหรับพระสมเด็จของท่านที่มีเนื้อหาจัดจ้าน   แก่ผงพระสมเด็จ หรือ มีการฝังตะกรุดไว้เป็นพิเศษ ตั้งแต่ 1ดอก 2 ดอก หรือ 3 ดอก   จะหาได้ยากมากและเป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก      โดยจะเช่าหากันในราคาสูงกว่าปกติหลายเท่า
เป็น ที่น่าแปลกใจมากพระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆังไปมีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์เป็นอย่างมาก        ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากประเทศดังกล่าวมากว้านซื้อกลับไปยังประเทศของตน เป็นจำนวนมาก ทำให้จำนวนพระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆังในปัจจุบัน มีจำนวนลดลงเป็นอย่างมาก       พระเก๊และพระยัดวัดจึงมีมากมาย  ถึงแม้ว่าพระของท่านราคาอาจยังไม่แพง    แต่อนาคตน่าจะได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะผสมผงเก่าสมเด็จโตและปลุกเสกอย่างพิถีพิถัน     อีกทั้งประสพการณ์และพุทธคุณของท่านก็ครบเครื่องครอบจักรวาล

            ส่วนทางด้วนเมตตามหานิยมนั้น  ก็มีผู้ประสพกับตนเองมากมาย   เมื่อเกิดขัดสน  ทุกข์ยากขึ้นมาก็เอาพระของหลวงปู่ขึ้มาภาวนา   อธิษฐานนึกถึงท่าน   ก็จะบันดาลให้ธุรกิจที่ท่านทำอยู่ประสพความสำเร็จดั่งมุ่งหวัง    หรือเวลาเกิดเหตุคับขัน  ก็ขอให้ภาวนานึกถึงท่านให้แคล้วคลาดจากอันตรายที่จะเกิดขึ้นผ่านพ้นไป   ซึ่งผู้เขียนขอบอกแต่เพียงว่า  ใครมีพระของท่านแล้ว จะมีลาภ ชีวิตจะปลอดภัย  
  
             แม้ว่าท่านจะอายุมากตามวัย    แต่ร่างกายท่านก็สมบูรณ์เปี่ยมด้วยราศี      ใบหน้าของท่านเปลี่ยมด้วยเมตตาใครไปหาเจอท่าน ขอพระจากท่านฟรีๆ    หรือเช่าพระจากกรรมการวัด ท่านก็จะเมตตาเจิมแป้งเสกให้อีกครั้ง        ครั้งท่านยังเป็นมหาที่ได้รับการแต่งตั้งให้กรรมการตรวจทรัพย์  ปรากฎว่าหลังท่านมรณภาพแล้ว       ท่านเหลือเพียง 50 สตางค์เท่านั้น        ส่วนใหญ่เงินที่ท่านได้มาก็จะบริจาคช่วยเหลือคนตกยาก และบริจาคกับสิ่งก่อสร้างของวัดจนหมด คงเหลือแต่ความดี   และความศรัทธาที่ทุกคนมีให้แดหลวงปู่     หากเทียบตอนท่านกำลังดัง  ก็เหมือนหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี จะได้ัไปปลุกเสกเกือบทุกงาน     เพราะบารมี และความมีเมตตาของท่านนั้นเอง.